เรื่องพื้นฐานในการเลือกบ้าน ทาวน์โฮม ที่มือใหม่ควรรู้

การมีบ้านเป็นของตัวเองนั้นคือความฝันของหลายๆคน แต่การจะมีบ้านหรือทาวน์โฮมใหม่แต่ละหลัง ผู้ซื้อบ้านเองได้ตัดสินใจผ่านปัจจัยหลายๆอย่างมากมายเพื่อให้ได้บ้านที่ต้องการมากที่สุด ทั้งงบประมาณในการซื้อ, การกู้เงิน, ทำเลของบ้าน, รูปแบบบ้านที่เหมาะสมกับฟังก์ชันและสมาชิกภายในบ้าน, วัสดุที่ใช้ในการสร้างและตกแต่ง หรือแม้กระทั้งไลฟ์สไตล์ของผู้อยู่อาศัยเอง ดังนั้นการที่เรารู้ข้อมูลพื้นฐานของบ้านหรือโครงการนั้น ๆจะทำให้เราสามารถเลือกซื้อบ้านได้คุ้มค่า เหมาะสมกับการใช้งาน และถูกใจผู้อยู่อาศัยได้มากที่สุด
  1. งบประมาณและการกู้เงินเงินหรืองบประมาณเป็นปัจจัยแรกที่คนที่จะซื้อบ้านหลังใหม่เพราะถือว่าเป็นทรัพย์สินที่ใช้เงินในการซื้อสูง ซึ่งคนส่วนมากจะกู้เงินเพื่อมาซื้อบ้านใหม่ กรณีนี้ถือว่าเป็นภาระผูกพันระยะยาว ผู้ซื้อควรมีแผนการเงินที่ดีและรอบคอบ โดยควรพิจารณาค่าใช้จ่ายที่สอดคล้องกับรายได้ที่ได้รับและเงินออมที่มีอยู่ การซื้อบ้านในแต่ละหลังไม่ได้มีแค่ค่าบ้านอย่างเดียว ยังมีค่าอื่นอีกมากมายที่ผู้ต้องการซื้อบ้านใหม่ควรรู้
    • ค่าจอง: เป็นการวางมัดจำเพื่อจองสิทธิ์ในบ้านหลังนั้นๆ โดยจำนวนเงินขึ้นอยู่กับเจ้าของบ้านหรือเจ้าของโครงการ
    • ค่าประเมินบ้านเพื่อขอสินเชื่อเพื่อการกู้เงิน: ถ้าผู้ซื้อต้องการขอสินเชื่อจากธนาคาร เงินส่วนนี้ถือเป็นค่าดำเนินการเพื่อให้เจ้าหน้าที่เข้ามาประเมิณวงเงินในการขอสินเชื่อ
    • ค่าจดจำนองและค่าอากรแสตมป์: เงินส่วนนี้ชำระให้กับกรมที่ดินสำหรับผู้กู้เงินจากธนาคาร โดยค่าจดจำนองอยู่ประมาณ1%ของวงเงินที่เรากู้ ส่วนค่าอากรแสตมป์เท่ากับ 0.5% ของราคาซื้อขาย
    • ค่าโอนกรรมสิทธิ์: เงินส่วนนี้ชำระให้กับกรมที่ดินเช่นกัน เป็นการโอนกรรมสิทธิ์ระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย โดยกรมที่ดินจะคิดอยู่ที่ 2%ของราคาประเมิณ
    • ค่าเบี้ยประกันภัย: โดยส่วนมากผู้ซื้อบ้านที่ทำการขอสินเชื่อจากธนาคารต้องทำตัวนี้ด้วยเช่นกัน
    • ค่ามิเตอร์น้ำ-ไฟ: การติดตั้งน้ำและไฟเป็นเรื่องพื้นฐานของการมีบ้านใหม่ สำหรับบางโครงการอาจจะไม่มีการติดตั้งมิเตอร์น้ำและไฟให้ทางผู้ซื้อต้องไปดำเนินการด้วยตัวเอง
    • ค่าตกแต่ง: สำหรับบางคนที่ไม่ได้ซื้อบ้านใหม่พร้อมเฟอร์นิเจอร์ การตกแต่งภายในเพื่อให้พร้อมกับการอยู่อาศัย
    • ค่าส่วนกลาง: สำหรับบางโครงการจะมีค่าส่วนกลางเพื่อนำมาปรับปรุงหรือพัฒนาโครงการต่อไป
  2. ทำเลที่ตั้ง‘ทำเล’เป็นปัจจัยอันดับต้นๆในการตัดสินใจซื้อบ้านใหม่ เพราะทำเลที่ตั้งของบ้านสะท้อนได้ถึงกิจวัตรประจำวันของเจ้าของบ้าน
    • สภาพแวดล้อมของชุมชมที่อยู่บริเวณบ้าน: ส่วนนึงในการบอกลักษณะนิสัยของคนที่อยู่บริเวณนั้นได้มาจากสภาพแวดล้อม เช่น เป็นชุมชนที่บ้านมีลักษณะแยกห่างกัน จะชอบความเป็นส่วนตัวมากกว่าลักษณะชุมชนที่มีบ้านที่ติดๆกัน
    • การเดินทาง: ความสะดวกสบายของการเดินทางเป็นปัจจัยที่สำคัญในการซื้อบ้านใหม่ เช่นใกล้สถานที่ทำงานหรือโรงเรียนของลูก รวมไปถึงการเข้าถึงระบบขนส่งสาธรณะด้วยเช่นกัน
    • ความปลอดภัย: คงไม่มีใครอยากจะหวาดระแวงทุกครั้งที่นอนว่าจะมีขโมยขึ้นบ้านหรือเปล่า เราควรสอบถามผู้อยู่อาศัยมาก่อนว่าความปลอดภัยในบริเวณนันเป็นอย่างไร
  3. รูปแบบบ้านที่เหมาะสมกับฟังก์ชันและวัสดุที่ใช้ในการสร้างหรือตกแต่งบ้านที่ดีควรตอบสนองไลฟ์สไตล์ของผู้อยู่ ผู้ซื้อบ้านใหม่ควรพิจารณาฟังก์ชันของบ้านว่าเป็นไปอย่างที่ต้องการไหม เพื่อให้เกิดความคุ้มค่าให้มากที่สุดหลังซื้อบ้านใหม่ไปแล้ว
    • ลักษณะของคนที่อยู่ในบ้าน: เราควรพิจารณาตั้งแต่ใครเป็นคนอยู่อาศัยในบ้านหลังนั้นบ้าง ถ้าเป็นครอบครัวใหญ่ ควรมีกี่ห้องนอน กี่ห้องน้ำ ถ้ามีผู้สูงอายุที่เดินเหินไม่สะดวกจะมีการปรับปรุงห้องเป็นลักษณะแบบไหน
    • ทิศทางของบ้าน หรือฮวงจุ้ย: สำหรับคนที่มีความเชื่อ จะมีการเลือกการจัดบ้านหรือรูปแบบที่ตอบสนองความเชื่อนี้ตั้งแต่ตำแหน่งของห้อง รูปแบบของบ้าน ซึ่งบางครั้งฮวงจุ้ยมีแนววิทยาศาสตร์ร่วมอยู่ด้วย การจัดบ้านแบบนี้ทำให้เกิดความสบายใจของผู้อยู่อาศัย
    • วัสดุที่ใช้ในการสร้างหรือตกแต่ง: วัสดุของสิ่งก่อสร้างที่ต่างกันย่อมทำให้คุณภาพที่ต่างกัน ความทนทาน การถ่ายเทความร้อน รวมไปถึงความแข็งแรง เราควรตอบสอบให้ดีว่าบ้านใหม่ที่เรากำลังจะซื้อนั้นใช้วัสดุอะไรในการก่อสร้าง
ทั้งที่นี้ทั้งนั้นสำหรับการซื้อบ้านหลังใหม่พื้นฐานที่สำคัญที่สุดคือความต้องการของผู้ซื้อ เมื่อเราทราบความต้องการของเราอย่างชัดเจนปัจจัยต่างๆเป็นตัวส่งเสริมให้ตัดสินใจซื้อบ้านใหม่ได้รอบคอบและแม่นยำมากยิ่งขึ้น